บทความน่าอ่าน
“รักแรกพบ” ของในหลวง ร.9 กับสมเด็จพระราชินีฯ

เป็นที่ทราบกันดีว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงศึกษาอยู่ ณ เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเมืองที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว “รักแรกพบ”

โดยในวันหนึ่งของปี พ.ศ. 2491 พระองค์ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งจากเมืองโลซานน์ เสด็จฯ ที่กรุงปารีสเพื่อทอดพระเนตรโรงงานทำรถยนต์และการแสดงดนตรีของคณะดนตรีที่มีชื่อเสียง  ซึ่งในครั้งนั้น ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีสและครอบครัว ได้มีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จฯ ด้วย

ในครั้งนั้นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีรับสั่งเป็นพิเศษว่า ให้ทอดพระเนตรลูกสาวของ ม.จ.นักขัตรมงคล ด้วยว่า “สวยน่ารักไหม” และยังทรงกำชับว่า “เมื่อถึงปารีสแล้วให้โทร.บอกแม่ด้วย” เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ ถึงปารีสแล้ว จึงโทรศัพท์ตอบสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีว่า “เห็นแล้ว น่ารักมาก”

จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทรงมี “รักแรกพบ” กับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ซึ่งมีความสนใจในศิลปะการดนตรีอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นในการเฝ้าฯ รับเสด็จฯ ทุกครั้ง จึงก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับครอบครัวกิติยากร โดยเฉพาะกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์

จนกระทั่งเกิดสิ่งไม่คาดฝัน เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2491 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่สวิตเซอร์แลนด์ และมีพระราชกระแสรับสั่งให้ ม.ร.ว.สิริกิติ์ เข้าเฝ้าฯ เยี่ยมพระอาการ และถวายการพยาบาลอย่างใกล้ชิดเป็นประจำ โดย ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ได้เขียนเล่าใน “บันทึก เป็น อยู่ คือ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ไว้คราวหนึ่งว่า สิ่งแรกเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรู้สึกพระองค์ นั่นคือ ทรงหยิบรูป ม.ร.ว.สิริกิติ์ ออกจากพระกระเป๋า แล้วส่งถวายสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พร้อมกับรับสั่งว่า “แม่ เรียกสิริมาที”

ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงประสบอุบัติเหตุอยู่นั้น ทรงได้รับบาดเจ็บที่พระเนตรและพระเศียร เมื่อครั้น ม.ร.ว.สิริกิติ์ เข้าเฝ้าฯ ก็ให้จับพระหัตถ์ท่านแล้วบอกชื่อ ซึ่ง ม.ร.ว.สิริกิติ์ ก็ทูลว่า “ม.ร.ว.สิริกิติ์ เพคะ” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชก็ทรงจับมืออยู่นานพอสมควรเลย

ท่านผู้หญิงเกนหลง กล่าวว่า รูป ม.ร.ว.สิริกิติ์ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีอยู่นั้น เป็นรูปแรกที่ทรงถ่าย ซึ่งเป็นรูปหมู่ที่ถ่ายตอนบุคคลเข้าเฝ้าฯ ณ สถานทูต โดยมี ม.ร.ว.สิริกิติ์ อยู่เป็นคนสุดท้าย เห็นหน้าไม่ชัด พระองค์จึงทรงรับสั่งว่า “ยู้ฮู คนข้างหลังโผล่หน้ามาหน่อยสิ” แล้วทรงตัดเฉพาะรูป ม.ร.ว.สิริกิติ์ เก็บไว้ในพระกระเป๋า

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงตรัสถึงเรื่องนี้ว่า “ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่า พระองค์ท่านทรงรักข้าพเจ้า เพราะเวลานั้นอายุเพิ่งย่าง 15 ปี ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นนักเปียโน เป็นนักเปียโนที่แสดงในงานคอนเสิร์ต ตอนประทับอยู่ที่โรงพยาบาลหลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีพระอาการหนักมาก ตำรวจเขาโทรศัพท์ไปกราบบังคมทูลสมเด็จพระราชชนนีฯ พระองค์ท่านรีบเสด็จไปทันที แต่แทนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมีปฏิสันถารกับพระองค์ ท่านกลับทรงหยิบรูปข้าพเจ้าออกมาจากกระเป๋า โดยที่ข้าพเจ้าไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าพระองค์ทรงมีรูปข้าพเจ้าอยู่ แล้วพระองค์ก็ตรัสให้นำตัวข้าพเจ้าเข้าเฝ้า พระองค์ทรงรักข้าพเจ้า ตอนนั้นข้าพเจ้านึกแต่เรื่องที่จะอยู่กับคนที่ข้าพเจ้ารักเท่านั้น ไม่ได้นึกไปไกลถึงหน้าที่และภาระของพระราชินีเลย”

ยังมีเรื่องราว “รักแรกพบ” ของทั้งสองพระองค์นี้อีกมากมาย ซึ่งครั้งใดที่ปวงชนชาวไทยได้ยินได้ฟังก็จะรู้สึกปลาบปลื้มเป็นยิ่งนัก

โพสเมื่อ : 25 ม.ค. 2560,15:31   อ่าน 1502 ครั้ง