น้ำตาชาวไทยต่างรินไหลกันไปทั่วผืนแผ่นดิน ถึงแม้พ่อหลวงจะทรงเสด็จสู่สวรรคาลัยมานานนับเดือน แต่แสงแห่งพระบารมีของพระองค์จะไม่มีวันที่ปวงชนชาวไทยจะลืมเลือน โดยเฉพาะวันนี้ วันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ของไทย
ตั้งแต่เช้า ทีวีทุกช่องต่างถ่ายทอดรายการเพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน แล้วแต่ว่ารายการใดจะนำเสนอเรื่องราวเกียรติคุณและพระปรีชาของท่านในเรื่องใด ซึ่งนับเป็นอีกวันที่หลาย ๆ คนเลี่ยงที่จะชมทีวี เพราะแต่ละเรื่องราวล้วนทำให้คิดถึงพ่อและเรียกน้ำตาไม่ขาดสาย ในขณะที่หลาย ๆ คนก็ยังคงมุ่งหน้าไปยังพระบรมมหาราชวัง เพื่อถวายอาลัยต่อพระองค์ท่าน หลาย ๆ หน่วยงานต่างจัดงานเพื่อแสดงความอาลัยและเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน ไม่เว้นแม้กระทั่งสถานีวิทยุ ห้างร้านต่าง ๆ ต่างเปิดเพลงที่ศิลปินบรรจงแต่งและร้องเพื่อระลึกถึงท่าน ไม่ว่าเดินไปที่ไหน เพลงของพ่อก็กึกก้องไปทั่ว
ในขณะเดียวกันหลาย ๆ หน่วยงานต่างจัดนิทรรศการเพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน ซึ่งจริง ๆ แล้วนิทรรศการต่าง ๆ นั้นเริ่มมีมาตั้งแต่เดือนตุลาคม เป็นต้นมา จนถึงวันนี้เรียกได้ว่าจัดเสร็จสิ้นไปแล้วหลายแห่ง อย่างเช่น นิทรรศการภาพถ่ายน้อมรำลักในหลวง ร.๙ ที่จัดโดยสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ได้ร่วมกับหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จัดแสดงภาพถ่ายจำนวน 89 ภาพจากช่างภาพ 89 ท่าน ที่พร้อมใจกับถ่ายทอดความรู้สึกและความทรงจำที่มีต่อพระมหากษัตริย์ของเรา แต่สำหรับท่านที่ยังไม่ได้มีโอกาสได้ไปชมก็ยังมีที่ให้ชมอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์รัตนโกสินทร์ ที่มีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพ่อหลวงในด้านการเจริญพระราชสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ ซึ่งได้จัดให้มีการแสดงนิทรรศการตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. เป็นต้นมาจนถึงวันที่ 6 ม.ค. ที่จะถึง หรือหากท่านใดไป shopping ตามศูนย์การค้าต่าง ๆ ก็จะเห็นว่าล้วนมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติแทบทั้งสิ้น อย่างเช่น นิทรรศการในหลวง…ในดวงใจราษฎร์ ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ที่เปิดให้เขียนใบไม้แห่งความดีประดับบนต้นไม้ของพ่อ จนถึงวันที่ 31 ม.ค. นี้ เช่นเดียวกับที่ห้างสรรพสินค้าพารากอน ก็มีนิทรรศการแสงแห่งพระบารมี เช่นกัน ก็แล้วแต่ว่าท่านใดสะดวกจะเดินทางไปจุดไหน ไม่ว่าจะเหนือ ใต้ ออก ตก รับรองค่ะว่ามีนิทรรศการของพ่อให้ได้ชมกันทุกที่
สำหรับนิทรรศการ “แสงแห่งพระบารมี” นี้ ก็เรียกได้ว่าเนรมิตลานพาร์คพารากอนที่ปกติจะจัดงาน Event ต่าง ๆ อยู่แล้ว มาจัดเป็นนิทรรศการ ซึ่งได้รวบรวมพระบรมราโชวาทของพ่อแล้วนำมาจัดเป็นนิทรรศการย่อม ๆ ผสมกับภาพวาดของพ่อ หากเราเดินทางรถไฟฟ้า BTS เข้าสู่ลานพาร์คพารากอน ก็จะได้พบกับภาพวาดขนาดใหญ่ เป็นเทคนิคการเขียนภาพ เกรยองบนกระดาษ ซึ่งเป็นฝีมือของสุวิทย์ ใจป้อม ที่ให้ชื่อภาพว่า “พ่อของแผ่นดิน” ซึ่งเจ้าของภาพคือ คุณชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ที่มอบภาพนี้ให้กับอุทยานการเรียนรู้ หอประชุมเมืองสมุทรปราการ โดยในภาพก็จะประกอบไปด้วยภาพของพ่อในพระอิริยาบถต่าง ๆ และในวาระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การขึ้นครองราชย์สมบัติ ทรงผนวช ทรงดนตรี รวมไปถึงทรงเยี่ยมเยียนราษฎร
ถัดมาหน่อยก็จะเป็นซุ้มจัดนิทรรศการ โดยด้านหน้าจะมีชื่อนิทรรศการ “แสงแห่งพระบารมี” และข้อความเชิญชวนให้ปวงชนชาวไทยร่วมแสดงความจงรักภักดีและร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการเขียน “บันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ” หรือ คำปณิธานความดีที่ตั้งใจจะทำตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เพื่อนำไปติดบนต้นไม้ยักษ์ด้านในนิทรรศการ ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 15 เมตร และหลังสิ้นสุดนิทรรศการจะมีการนำข้อความเหล่านี้ไปบันทึกในโครงการภาคภูมิแผ่นดินไทยที่ www.theprideofthailand.com
นอกจากนี้บริเวณรายรอบจะมีภาพวาดของพ่อในหัวข้อ “King of King” ซึ่งเป็นผลงานการวาดของนักศึกษา ศิษย์เก่าและอาจารย์จิตอาสาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ถ่ายทอดอิริยาบถต่าง ๆ รวมทั้งพระปรีชาญาณของพระองค์ในด้านต่าง ๆ อย่างเช่น ขณะทรงต่อเรือ ทรงเรือใบ และทรงงานต่าง ๆ รวมไปถึงทรงวาดภาพ และทรงดนตรี
ส่วนด้านกลางของนิทรรศการ นอกจากจะรวบรวมพระบรมราโชวาทของพระองค์ที่ทรงให้ไว้เนื่องในวาระต่าง ๆ แล้ว หากมองขึ้นด้านบน ก็จะเห็นกระดาษบันทึกความภาคภูมิใจที่ทำตามพ่อ แขวนอยู่เต็มไปหมด นับหมื่น ๆ ใบ
ส่วนด้านในก็จะเป็นเวที สำหรับศิลปินชื่อดังและศิลปินจิตอาสาที่จะมีเฉพาะในช่วงวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 17.00 – 20.00 น.